วันอาทิตย์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

อันตรายของการจัดฟันแฟชั่น

การจัดฟันแฟชั่น ไม่ใช่การรักษาทางทันตกรรม แต่เป็นการพยายามใส่เครื่องมือที่เลียนแบบการจัดฟันแบบติดแน่นที่ทันตแพทย์ใช้ในการรักษาผู้ป่วย มีจุดประสงค์เพื่อความสวยงาม โก้เก๋ ทันสมัย ผู้ที่ให้บริการไม่ใช่ทันตแพทย์ ทำให้เกิดผลเสียต่าง ๆ ตามมาในปัจจุบันจัดฟันแฟชั่น อาจแบ่งได้เป็น 3 ประเภท คือ








ลวดร้อยลูกปัด เป็นการใช้ลวดเส้นเล็ก ๆ ร้อยลูกปัดสีต่าง ๆ มีวางจำหน่ายในตลาดนัดและแหล่งชุมชนต่าง ๆ ราคาเส้นละ 50-120 บาท เด็กและวัยรุ่นนิยมซื้อมาใส่เอง








จัดฟันแฟชั่นแบบติดแน่น เป็นการเลียนแบบการจัดฟันของทันตแพทย์ให้เหมือนมากขึ้น โดยจะมีการติดเครื่องมือ “แบ๊กเกต” เป็นโลหะรูปสี่เหลี่ยมที่มีร่องใส่ลวดจัดฟันและมีส่วนยื่นออกมาสำหรับคล้องยาง ค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 800-1,200 บาท สามารถเลือกสีของยาง รูปร่างของยาง เช่น รูป ดอกไม้ มิกกี้เม้าส์








จัดฟันแฟชั่นแบบถอดได้ เป็นการใช้เครื่องมือคงสภาพฟัน หรือ “รีเทนเนอร์” ที่เหมือนกับทันตแพทย์ใช้ มีลักษณะเป็นแผ่น พลาสติกปิดอยู่ที่เพดาน หรือข้างลิ้น มีลวดคอยบังคับฟันให้อยู่ในตำแหน่งที่ต้องการ มีการดัดแปลง เพิ่มแบ๊กเกตให้ติดอยู่บนลวด ขั้นตอนการทำจะต้องมีการพิมพ์ฟัน ค่าใช้จ่ายประมาณ 800-1,300 บาทต่อชิ้น สามารถเลือกสี ลายของแผ่น พลาสติก และลวดได้










อันตรายของการจัดฟันแฟชั่น มีดังนี้



อันตรายจากขั้นตอนการทำ เครื่องมือที่ใช้ เช่น ถาดพิมพ์ฟันใช้แล้วไม่ได้ล้าง หรือล้างแต่ไม่ได้ฆ่าเชื้อ ทำให้มีโอกาสที่จะได้รับเชื้อโรคที่มาจากน้ำลายของผู้ใช้บริการคนก่อน ผู้ทำไม่ได้สวมถุงมือ อาจติดโรคต่าง ๆ เช่น ไวรัสตับอักเสบบี วัณโรค ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ คอตีบ โปลิโอ



อันตรายจากวัสดุ ลวดจัดฟันแฟชั่นที่ใช้คุณ ภาพต่ำ มีสารปนเปื้อนที่เป็นโลหะหนัก เช่น ตะกั่ว พลวง ซิลิเนียม โครเมียม และสารหนู หากสะสมในร่างกายมาก ๆ จะเป็นอันตรายต่อไต ทำให้เนื้อเยื่อต่าง ๆ ของเซลล์ตาย อาจทำให้เกิดมะเร็งได้ การใช้ลวดที่เป็นสี เมื่อใส่ไว้ในปากสักระยะหนึ่ง มีการสัมผัสอาหาร ของเย็น ของร้อน แล้วสีจางลง ส่วนประกอบของสีจะเข้าสู่ร่างกาย ผ่านเข้ากระเพาะอาหาร และดูดซึมไปสะสมไว้ในร่างกาย เป็นการสะสมสารพิษไว้ในร่างกาย



อันตรายต่อฟันและเนื้อเยื่อในช่องปาก ในขั้นตอนการทำ จะมีการใช้หัวกรอ กรอเอาเคลือบฟันที่ดีออกไป รวมทั้งใช้กรดกัดฟัน ซึ่งจะทำให้เคลื่อนฟันบางลง ทำให้ความแข็งแรงของฟันลดลง ทำให้เสียวฟันได้ง่าย การปรับแต่งลวดโดยผู้ที่ไม่มีความรู้จะทำให้เกิดแรงกดไปที่ตัวฟัน และฟันเคลื่อนไปจากเดิม ทำให้มีอาการปวดฟันมากอาจทำให้ฟันซี่นั้นกลายเป็นฟันตาย รากฟันละลาย อาจจะต้องถอนฟันซี่นั้นทิ้งไป เครื่องมืออาจหลุดลงคอ หรือ หลอดลม ทำให้เป็นอันตรายถึงชีวิต



นอกจากนี้การใส่เครื่องมือจัดฟันแฟชั่นมักทำให้เกิดการบาดกระพุ้งแก้ม หรือเนื้อเยื่อในช่องปากกลาย เป็นแผล เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งเนื้อเยื่อในช่องปาก อีกทั้งเครื่องมือที่ใส่ในปาก จะขัดขวางการแปรงฟันและทำความสะอาดฟัน อาจทำให้ฟันผุ เหงือกอักเสบ บวมแดง มีกลิ่นปาก



ท้ายนี้ขอเตือนวัยรุ่นทั้งหลายว่า หากฟันไม่ได้มีปัญหาก็ไม่ควรไปจัดหรือดัดฟันแฟชั่น เพราะนอกจากจะเสียเงินโดยใช่เหตุแล้ว อาจได้รับอันตรายจากวัสดุจัดฟันที่ไม่ได้มาตรฐาน ถึงขั้นเสียชีวิตได้.

ไก่ไม่มีหัว เรื่องจริงที่คุณต้องตะลึง!!!



















นี่คือเรื่องจริง ไก่ไม่มีหัว !! แต่อยู่ได้นานถึง 18 เดือน ไก่ตัวนี้มีชื่อว่าไมค์(Mike)







เรื่องมันมีอยู่ว่าเจ้าของฟาร์มคิดจะทำไก่ย่างในวันขอบคุณพระเจ้า เลยเลือกเจ้าไมค์มาทำไก่ย่าง ซึ่งในตอนที่เอาขวานฟันลงไปในคอของเจ้าไมค์(อึ่ย) หัวมันก็ขาดลงมาสงบนิ่งอยู่ที่พื้น แต่ตัวมันซิครับ กลับกระโดดลงมาจากเขียงแล้ววิ่งพล่านไปทั่วเล้าจนหายไปไหนไม่รู้ จนต้องเอาไก่อีกตัวมาทำ ในวันรุ่งขึ้นเจ้าของกลับพบว่าเจ้าไมค์กลับมาอยู่ในเล้าทั้งๆที่ไม่มีหัว แล้วทำท่าคุ้ยเขี่ยอาหารเหมือนกับไก่ทั่วๆไป ผิดแต่ว่ามันไม่มีหัวเท่านั้นเอง !
















เจ้าของก็เลยสงสัยว่ามันจะอยู่ไปได้นานอีกเท่าไหร่ เลยเลี้ยงไปเรื่องๆโดยให้อาหารด้วยที่หยอดตาผ่านทางหลอดอาหาร แน่ละครับเรื่องนี้ไปเข้าหูพวกสื่อมวลชน
















โดยนิตยสาร TIME มาขอทำเรื่องนี้ทำให้เจ้าไมค์ดังเป็นพลุแตกเลย ผลทำให้มีคนเลียนแบบทั่วประเทศก็เลยทำให้ทุกบ้านมีไก่ย่างกินเป็นอาหารเย็นกินกันทุกวัน แต่ก็ไม่มีใครทำสำเร็จ และในช่วงสุดท้ายของชีวิตของไมค์ตายโดยเมล็ดข้าวโพดเข้าไปติดหลอดลมตาย ซึ่งนับจากวันที่มันหัวขาดจนวันตาย นับได้ประมาณ 18 เดือนพอดี พอเจ้าไมค์ตายเจ้าของก็เสียใจมาก เลยจัดตั้งวันไมค์ไก่ไร้หัว (Mike the headless Chicken Day)" ขึ้นมาทุกๆปี เดี๋ยวนี้ก็ยังมีอยู่จนทึง


ปัจจุบัน