วันพุธที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ระบบ 3G คืออะไร

ระบบ 3G ( UMTS ) นั้นคือการนำเอาข้อดีของ ระบบ CDMA มาปรับใช้กับ GSM เรียกว่า W-CDMA ซึ่งถูกพัฒนาโดยบริษัท NTT DoCoMo ของญี่ปุ่น

สำหรับเมืองไทยนั้น ระบบ 3G จะเป็น เทคโนโลยีแบบ HSPA ซึ่งแยกย่อยได้เป็น HSDPA , HSUPA และ HSPA+

HSDPA นั้นจะสามารถ รับส่งข้อมูลได้สูงสุดที่ Download 14.4 Mbps / Upload 384 Kbps.
(ปัจจุบันผู้ให้บริการทั่วโลกยังให้บริการอยู่ที่ Download 7.2Mbps เท่านั้น)
HSUPA จะเหมือนกับ HSDPA ทุกอย่างแต่การ Upload ข้อมูลจะวิ่งที่ความเร็วสูงสุด 5.76 Mbps
HSPA+ เป็นระบบในอนาคต การ Download ข้อมูลจะอยู่ที่ 42 Mbps / Upload 22 Mbps

สำหรับในเมืองไทยนั้น ระบบ 3G ( HSPA ) ที่ Operator AIS หรือ DTAC นำมาใช้จะเป็น HSDPA โดยการ Download จะอยู่ที่ 7.2Mbps ซึ่งน่าจะได้ใช้กันในไม่ช้า

ข้อควรระวังในการเลือกซื้อ AirCard แบบที่รองรับ 3G คลื่นความถี่ 3G ที่ใช้กันทั่วโลก จะใช้อยู่ 3 ความถี่ที่เป็นมาตราฐานคือ 850 , 1900 และ 2100 ซึ่งเมืองไทยจะแบ่งเป็นดังนี้

คลื่นความถี่ ( band ) 850 จะถูกพัฒนาโดย Dtac และ True
คลื่นความถี่ ( band ) 2100 คาดว่าจะถูกพัฒนาโดย AIS (อยู่ในขั้นตอนการประมูล)
คลื่นความถี่ ( band ) 1900 ยังไม่แน่ชัดว่าจะถูกปล่อยออกโดยบริษัทไหน

ดังนั้นการเลือกซื้อ Air Card, Router หรือ โทรศัพท์มือถือ และต้องการให้รอบรับ 3G ควร check ให้ดีก่อนว่าสามารถรองรับได้ทั้ง 3 คลื่นหรือเพียงบางคลื่นเท่านั้น

การที่มีระบบ 3G นั้นจะทำให้ใช้ชีวิตได้สะดวกสบายมากขึ้น ลองนึกดูว่าสามารถฟัง Imeem คุย MSN หรือแม้แต่ดู Youtube จากที่ไหนก็ได้ผ่านมือถือ และอื่นๆอีกมากมายเลยทีเดียว


การฉีดเชื้อผสมเทียมในโพรงมดลูก (Intrauterine Insemination-IUI)

การฉีดเชื้อผสมเทียมในโพรงมดลูก (IUI)

คือ การฉีดเชื้ออสุจิเข้าไปในโพรงมดลูกโดยตรง โดยใช้ท่อพลาสติกเล็กๆ สอดผ่านปากมดลูแล้วฉีดเชื้ออสุจิเข้าไปในช่วงที่มีหรือใกล้กับเวลาที่มีไข่ตก

วิธีนี้มักทำกับคู่ที่ฝ่ายชายมีเชื้ออสุจิผิดปกติ คือ จำนวนน้อยเกินไปหรือเชื้ออสุจิแข็งแรงน้อยเกินไป หรือมีปัญหามีปฏิกิริยากับปากมดลูกได้ง่าย เข้าไปในโพรงมดลูกไม่ได้

นอกจากนี้ยังทำในกรณีที่ฝ่ายชายไม่สามารถปล่อยน้ำอสุจิในช่องคลอดฝ่ายหญิงได้ เช่น อวัยวะเพศมีปัญหาเรื่องการแข็งตัว, หลั่งเร็วเกินไป หรือมีโรคอื่น ๆ

การทำ IUI ช่วยเพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์มากกว่าวิธีตามธรรมชาติ เพราะจะได้จำนวนเชื้ออสุจิที่แข็งแรงจำนวนมากกว่าที่เข้าไปปฏิสนธิกับไข่ (จำนวนยิ่งมากยิ่งมีโอกาสอสุจิตัวหนึ่งปฏิสนธิกับไข่ได้มากขึ้น)

ในรายที่มีภาวะมีบุตรยากที่หาสาเหตุไม่ได้ พบว่าการทำ IUI มีผลการตั้งครรภ์มากกว่าปกติเป็น 2 เท่า ถ้าทำร่วมกับกระตุ้นการตกไข่ด้วยยารับประทาน โอกาสมากขึ้นเป็น 3 เท่า และถ้ากระตุ้นด้วยยาฉีด (control hyperstimulation) โอกาสมากขึ้นเป็น 4-6 เท่า

การทำ IUI อาจใช้เชื้ออสุจิของสามีหรือ เชื้ออสุจิของผู้บริจาค ถ้าใช้เชื้อจากสามีงดเว้นมีเพศสัมพันธ์ 2-4 วันก่อนวันทำการฉีด (วันตกไข่)

วิธีการคือเมื่อฝ่ายชายเก็บน้ำเชื้อมาได้จากการช่วยตัวเองแล้ว เชื้ออสุจิจะถูกล้างด้วยน้ำยาให้แยกออกมาจากน้ำอสุจิแล้วเลือกเฉพาะตัวที่แข็งแรง ดูดออกมาใส่สายพลาสติกเล็ก ๆ สอดผ่านปากมดลูกฉีดเข้าไปในโพรงมดลูกโดยตรง ปล่อยให้เชื้ออสุจิว่ายไปหาไข่เอง

เวลาที่ใช้เตรียมอสุจิประมาณ 1-2 ช.ม. เวลาที่ใช้ฉีดไม่กี่นาที ค่าใช้จ่ายไม่แพงมาก (เป็นหลักพันบาทต้น ๆ ) ไม่เจ็บ ทำเสร็จแล้วปฏิบัติตัวได้ตามปกติ ไม่ต้องอยู่โรงพยาบาล ไม่ต้องพักฟื้นใด ๆ ถ้าไม่ตั้งครรภ์ในการใส่ครั้งหนึ่ง อาจทำซ้ำในรายต่อไปได้อีก

ประวัติเทพเจ้ากวนอู


ประวัติเทพเจ้ากวนอู

กวนอู (Guan Yu, ??, พินอิน:Gu?n Y?) มีชื่อรองว่า หยุนฉาง (ค.ศ. 160 - ค.ศ. 219) น้องร่วมสาบานคนรองของเล่าปี่ และเตียวหุย หน้าแดงเหมือนผลพุทราสุก จักษุเรียวงามคล้ายนกการเวก คิ้วโก่งดั่งตัวหนอนไหม หนวดเคราสีดำงามยาวละเอียด มีง้าวมังกรเขียวยาว 8 ศอก หนัก 82 ชั่งจีน เป็นอาวุธคู่กาย ร่วมต่อสู้กับเล่าปี่ ตลอดชีวิตที่ผ่านมาสู้ด้วยความจงรักภักดี คุณธรรม และความกล้าหาญ ถึงจะพ่ายแพ้ศึก และยอมเป็นข้ารับใช้โจโฉ แต่ใจก็ยังคงภักดีต่อเล่าปี่เพียงผู้เดียว สร้างชื่อเสียงลือไกล ด้วยการสังหาร ฮัวหยงแม่ทัพของตั๋งโต๊ะ โดยที่สุรายังอุ่น ๆ อยู่ เอาชนะงันเหลียง และบุนทิว 2 แม่ทัพของอ้วนเสี้ยว ฝ่า 5 ด่าน สังหาร 6 แม่ทัพของโจโฉ และยังครองใจผู้คน ไม่ว่าเลียวฮัว และจิวฉอง รวมถึงเตียวเลี้ยวแม่ทัพของโจโฉ และฮองตง ที่แม้เคยเป็นศัตรู แต่ก็ครองใจได้ ขี่ม้าเซ็กเธาว์อาชาชั้นยอดของลิโป้ ต่อมาได้เป็นเจ้าเมืองเกงจิ๋ว อยู่ร่วมกับ กวนเป๋งบุตรบุญธรรม กับจิวฉอง ภายหลังถูก แผนกลยุทธ์ของลกซุน และลิบองฆ่าตาย แต่ถึงจะตายไป ก็ยังทำให้ลิบองตายตามไปด้วย หลังจากตายไป ได้ถูกยกย่องว่า เป็นเทพเจ้าแห่งความซื่อสัตย์ ชึ่งภาษาจีนกลางเรียก กวนอี่ว์

กวนอู มีร่างกายกำยำ สูง 6 ศอก หนวดยาว 1 ศอก หน้าแดงก่ำ มีอาวุธคือง้าวมังกรเขียวหนัก 82 ชั่ง แต่เดิมเป็นคนขายถั่วชาวไกเหลียง ไม่มีที่อยู่แน่ชัดเนื่องจากเร่ร่อนไปเรื่อย ๆ ต่อมาพบกับเศรษฐีคนหนึ่งรังแกชาวบ้านจึงฆ่าเศรษฐีคนนั้นตาย ชาวเมืองไกเหลียงจึงยกย่องกวนอู แต่ทางการกลับประกาศจับกวนอู จนกวนอูต้องหลบหนีออกจากเมืองไกเหลียง ระหว่างผ่านด่านนอกเมืองได้ไปล้างหน้า เทพเจ้าได้ดลบันดาลให้หน้าเปลี่ยนเป็นสีแดง จนนายด่านจำไม่ได้ จึงผ่านออกมาได้ จนได้มาพบเล่าปี่และเตียวหุยที่ตุ้นก้วน ทั้งสามจึงสาบานเป็นพี่น้องกัน ต่อมากวนอูได้ร่วมรบกับเล่าปี่ปราบโจรโพกผ้าเหลืองจนราบคาบ แต่เล่าปี่กลับได้เป็นแค่นายอำเภออันห้อก้วน ส่วนน้องทั้งสองก็ไม่ได้รับตำแหน่งใด ๆ ยังเป็นเพียงคนสนิทของเล่าปี่เหมือนเดิม ต่อมามีเจ้าเมืองชื่อต๊กอิ้วมาตรวจราชการอำเภออันห้อก้วน เล่าปี่ไม่มีสินบนให้จึงถูกต๊กอิ้วเขียนฎีกาถวายฮ้องเต้ว่าเล่าปี่กบฏ เตียวหุยโกรธจัดจึงเฆี่ยนต๊กอิ้ว เล่าปี่เห็นท่าไม่ดีจึงหนีออกมาพร้อมกับน้องทั้งสอง ต่อมาทั้งสามก็ได้ระหกระเหินเร่ร่อน กวนอูนั้นก็สร้างวีรกรรมมากมายทั้งการบุกเดี่ยวหนีออกมาจากโจโฉมาหาเล่าปี่ทั้ง ๆ ที่โจโฉพยายามทำทุกวิถีทางที่จะมัดใจกวนอู แต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ ฆ่าฮัวหยง งันเหลียง บุนทิวในเพลงเดียว ไว้ชีวิตโจโฉหลังแพ้ศึกเซ็กเพ็กทั้ง ๆ ที่ได้ทำทัณฑ์บนไว้กับขงเบ้งว่าถ้าปล่อยให้โจโฉรอดไปจะต้องถูกประหาร บุกเดี่ยวข้ามฟากไปยังกังตั๋งเพื่อกินเลี้ยงตามแผนของโลซก แต่ผ่ายโลซกไม่อาจทำอะไรได้ เป็นต้น

จนเมื่อเล่าปี่ได้ครองเสฉวน เล่าปี่จึงแต่งตั้งให้กวนอูเป็น 1 ใน ห้าทหารเสือแห่งจ๊กก๊ก และได้ครองเมืองเกงจิ๋ว ต่อมาซุนกวนจับมือกับโจโฉบุกเกงจิ๋ว กวนอูถูกลิบองแม่ทัพแห่งง่อก๊กจับตัวไป กวนอูไม่ยอมสวามิภักดิ์ จึงถูกซุนกวนสั่งประหารพร้อมกับกวนเป๋งบุตรบุณธรรม ต่อมากวนอูจึงถูกยกย่องให้เป็นเทพเจ้าแห่งความซื่อสัตย์ มีผู้คนนับถือมากมายจนถึงปัจจุบัน

ภายหลังจากที่กวนอูตายไปแล้ว ซุนกวนได้ส่งศีรษะกวนอูไปให้โจโฉ เพื่อป้ายความผิดไปยังโจโฉ โจโฉเมื่อเปิดหีบดูศีรษะของกวนอูแล้ว พูดอย่างเยาะเย้ยว่า "กวนอู ท่านสบายดีหรือ ตอนท่านยังมีชีวิตอยู่ท่านไม่เคยมาหาข้าพเจ้า แม้ข้าพเจ้าจะรั้งตัวท่านไว้ ท่านก็ไม่ยอมอยู่ แต่บัดนี้ท่านตายแล้วกลับมาหาข้าพเจ้า" พลันหัวของกวนอูก็ลืมตาขึ้น โจโฉตกใจมาก ระล่ำระลักว่า กวนอูนี้ศักดิ์สิทธิ์นัก จึงให้ตั้งศาลบูชาเซ่นสรวงกวนอูที่นอกเมืองลกเอี๋ยง และหลังจากนั้นโจโฉก็มักปวดศีรษะและเห็นภาพหลอนอยู่บ่อย ๆ ก่อนที่จะเสียชีวิตไม่นาน

ซึ่งก่อนหน้านั้น ลิบองผู้ที่สามารถจับตัวกวนอูได้ ในงานเลี้ยงที่ฉลองชัยชนะที่มีต่อกวนอู จู่ ๆ ลิบองก็ลุกขึ้นมาชี้หน้าด่าซุนกวนด้วยเสียงอันดังที่ผิดแผกออกไปจากเสียงปกติ แล้วจึงล้มลงสิ้นชีวิตทันที ซุนกวนถึงกับกลัวลนลาน ทั้งหมดนี้เชื่อว่า เป็นเพราะอิทธิฤทธิ์ดวงวิญญาณของกวนอู

การเขียน Storyboard

การเขียนสตอรี่บอร์ดเป็นขั้นตอนของการเตรียมการนำเสนอข้อความ ภาพ รวมทั้ง สื่อในรูปของมัลติมีเดียต่างๆ ลงในกระดาษ เพื่อให้การนำเสนอข้อความ และสื่อในรูปแบบต่างๆ เหล่านี้เป็นไปอย่างเหมาะสมบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ต่อไป ขณะที่ผังงานนำเสนอลำดับ และขั้นตอนของการตัดสินใจ สตอรี่บอร์ดนำเสนอเนื้อหา และลักษณะของการนำเสนอ ขั้นตอนการสร้างสตอรี่บอร์ดรวมไปถึงการเขียนสคริปต์ (ซึ่งสคริปต์ในที่นี้ คือ เนื้อหา) ที่ผู้ใช้จะได้เห็นบนหน้าจอซึ่งได้แก่ เนื้อหา ข้อมูล คำถาม ผลป้อนกลับ คำแนะนำ คำชี้แจง ข้อความเรียกความสนใจ ภาพนิ่ง และภาพเคลื่อนไหว ฯลฯ
  • Storyboard คือ การสร้างภาพให้เห็นลำดับขั้นตอนตามเนื้อเรื่องที่ต้องการ โดยเฉพาะการสร้างภาพเคลื่อนไหว
  • รายละเอียดที่ควรมีใน Storyboard ได้แก่ คำอธิบายแต่ละสื่อที่ใช้ (ข้อความ รูปภาพ ภาพเคลื่อนไหว เสียง วีดิโอ)

การจัดทำ Storyboard

ตัวอย่างเช่นในหัวข้อ Presentations จากโฟลว์ชาร์ตก็เป็นการแจงแจงรายละเอียดลงไปว่าในส่วนนี้ประกอบด้วยภาพ ข้อความ ภาพเครื่องไหว มีเสียงหรือเพลงประกอบหรือไม่ และมีการเรียงลำดับการทำงานอย่างไร มีการวางหน้าจออย่างไรรวมทั้งการกำหนดแหล่งของข้อมูล เช่น ภาพและเสียงว่าได้มาอย่างไรจากแหล่งไหน

การเตรียมข้อมูลสำหรับ Storyboard

ข้อมูลสำหรับ Storyboard อาจมีทั้งภาพ เสียง ข้อความ ภาพเคลื่อนไหว (Animation Movies) หรืออื่นๆ ซึ่งจะต้องมีการจัดเตรียมขึ้นมาก่อนที่จะนำไปใส่โปรแกรม มีรายละเอียดที่เกี่ยวข้องดังนี้

  • การจัดเตรียมภาพสำหรับโปรแกรม
  • การจัดเตรียมเสียง
  • สร้างภาพเคลื่อนไหว (Animation File)
  • ตัวอย่าง Storyboard

เมืองลับแล จังหวัด อุตรดิตถ์


เมืองลับแลเป็นอำเภอเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในจังหวัดอุตรดิตถ์แต่เดิมคงเป็นเมืองที่การเดินทาง ไปมาไม่สะดวก เส้นทางคดเคี้ยว ทำให้คนที่ไม่ชำนาญทางพลัดหลงได้ง่าย จนได้ชื่อว่าเมืองลับ แล ซึ่งแปลว่า มองไม่เห็น มีเรื่องเล่ากันว่าคนมีบุญเท่านั้นจึงจะได้เข้าไปถึงเมืองลับแล

มีตำนานเล่าว่า ครั้งหนึ่งมีชายคนหนึ่งเข้าไปในป่า ได้เห็นหญิงสาวสวยหลายคนเดินออกมา ครั้นมาถึงชายป่า นางเหล่านั้นก็เอาใบไม้ที่ถือมาไปซ่อนไว้ในที่ต่าง ๆ แล้วก็เข้าไปในเมืองด้วยความ สงสัยชายหนุ่มจึงแอบหยิบใบไม้มาเก็บไว้ใบหนึ่ง ตกบ่ายหญิงสาวเหล่านั้นกลับมา ต่างก็หาใบไม้ที่ ตนซ่อนไว้ ครั้นได้แล้วก็ถือใบไม้นั้นเดินหายลับไป มีหญิงสาวคนหนึ่งหาใบไม้ไม่พบเพราะชายหนุ่ม แอบหยิบมา นางวิตกเดือดร้อนมาก ชายหนุ่มจึงปรากฏตัวให้เห็นและคืนใบไม้ให้ โดยมีข้อแลก เปลี่ยนคือขอติดตามนางไปด้วยเพราะปรารถนาจะได้เห็นเมืองลับแล หญิงสาวก็ยินยอม นางจึงพา ชายหนุ่มเข้าไปยังเมืองซึ่งชายหนุ่มสังเกตเห็นว่าทั้งเมืองมีแต่ผู้หญิง นางอธิบายว่า คนในหมู่บ้านนี้ ล้วนมีศีลธรรม ถือวาจาสัตย์ ใครประพฤติผิดก็ต้องออกจากหมู่บ้านไป ผู้ชาย ส่วนมากมักไม่รักษา วาจาสัตย์จึงต้องออกจากหมู่บ้านกันไปหมด แล้วนางก็พาชายหนุ่มไปพบมารดาของนาง ชายหนุ่ม เกิดความรักใคร่ในตัวนางจึงขออาศัยอยู่ด้วย มารดาของหญิงสาวก็ยินยอมแต่ให้ชายหนุ่มสัญญา ว่าจะต้องอยู่ในศีลธรรม ไม่พูดเท็จ ชายหนุ่มได้แต่งงานกับหญิงสาวชาวลับแลจนมีบุตรชายด้วยกัน 1 คน วันหนึ่งขณะที่ภรรยาไม่อยู่บ้าน ชายหนุ่มผู้พ่อเลี้ยงบุตรอยู่ บุตรน้อยเกิดร้องไห้หาแม่ไม่ยอม หยุด ผู้เป็นพ่อจึงปลอบว่า ?แม่มาแล้ว ๆ? มารดาของภรรยาได้ยินเข้าก็โกรธมากที่บุตรเขยพูดเท็จ เมื่อบุตรสาวกลับมาก็บอกให้รู้เรื่อง ฝ่ายภรรยาของชายหนุ่มเสียใจมากที่สามีไม่รักษาวาจาสัตย์ นางบอกให้เขาออกจากหมู่บ้านไปเสีย แล้วนางก็จัดหาย่ามใส่เสบียงอาหารและของใช้ที่จำเป็นให้ สามี พร้อมทั้งขุดหัวขมิ้นใส่ลงไปด้วยเป็นจำนวนมาก จากนั้นก็พา สามีไปยังชายป่า ชี้ทางให้ แล้ว นางก็กลับไปเมืองลับแล ชายหนุ่มไม่รู้จะทำอย่างไรก็จำต้องเดิน ทางกลับบ้านตามที่ภรรยาชี้ทางให้ ระหว่างทางที่เดินไปนั้น เขารู้สึกว่าถุงย่ามที่ถือมาหนักขึ้น เรื่อย ๆ และหนทางก็ไกลมาก จึงหยิบเอาขมิ้นที่ภรรยาใส่มาให้ทิ้งเสียจนเกือบหมด ครั้นเดิน ทางกลับไปถึงหมู่บ้านเดิมบรรดาญาติมิตรต่างก็ ซักถามว่าหายไปอยู่ที่ไหนมาเป็นเวลานานชาย หนุ่มจึงเล่าให้ฟังโดยละเอียดรวมทั้งเรื่องขมิ้นที่ภรรยาใส่ย่ามมาให้แต่เขา ทิ้งไปเกือบหมด เหลืออยู่เพียงแง่งเดียว พร้อมทั้งหยิบขมิ้นที่เหลืออยู่ออกมา ปรากฏว่าขมิ้นนั้นกลับกลายเป็นทองคำทั้ง แท่ง ชายหนุ่มรู้สึกแปลกใจและเสียดาย จึงพยายามย้อนไปเพื่อหาขมิ้นที่ทิ้งไว้ ปรากฏว่าขมิ้นเหล่านั้นได้งอกเป็นต้นไปหมดแล้ว และเมื่อขุดดูก็พบแต่แง่งขมิ้นธรรมดาที่มีสีเหลืองทองแต่ไม่ใช่ทองเหมือน แง่งที่เขาได้ไป เขาพยายามหาทางกลับไปเมืองลับแล แต่ก็หลงทางวกวนไปไม่ถูก จนในที่สุดก็ต้องละความพยายามกลับไปอยู่หมู่บ้านของตนตามเดิม

อิสตันบูล

อิสตันบูล (Istanbul) ตั้งอยู่บริเวณช่องแคบบอสฟอรัส (Bosphorus) ซึ่งทำให้อิสตันบูลเป็นเมืองสำคัญเพียงเมืองเดียวในโลก ที่ตั้งอยู่ใน 2 ทวีป คือ ทวีปยุโรป (ฝั่ง Thrace ของบอสฟอรัส) และทวีปเอเชีย (ฝั่งอนาโตเลีย) โดยทั้ง 2 ทวีปถูกแบ่งแยกออกจากกันโดยช่องแคบบอสฟอรัส ทะเลมาร์มารา และช่องแคบดาร์ดาแนลส์ เดิมชื่อ คอนสแตนติโนเปิล (Constantinople) อาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ ที่เป็นเมืองสำคัญของชนเผ่าจำนวนมากในบริเวณนั้น จึงส่งผลให้อิสตันบูลมีชื่อเรียกแตกต่างกันออกไปเช่น ไบแซนเทียม, คอนสแตนติโนเปิล, สแตมโบล เป็นต้น

หากร้อยเรียงประวัติศาสตร์ของอีสตันบูล ต้องเริ่มตั้งแต่เมืองไบแซนเทียม (Byzantium) ที่สร้างโดยชาวกรีกเมื่อ 667 ปีก่อนคริสตกาล โดยตั้งชื่อตามกษัตริย์ Byzas เมืองไบแซนเทียมถูกครอบครองและทำลายโดยจักรวรรดิโรมัน เมื่อปี พ.ศ. 739 (ค.ศ. 196) จากนั้นโรมันได้สร้าง ไบแซนเทียมขึ้นมาใหม่อีกครั้งในยุคของจักรพรรดิเซ็ปติมัส เซเวอรัส

หลังจากนั้นจักรพรรดิคอนสแตนตินมหาราชแห่งจักรวรรดิโรมันได้ย้ายมาสร้างกรุงโรมใหม่ (Nova Roma) ที่ไบแซนเทียม แต่คนส่วนมากมักนิยมเรียกว่าเมือง "คอนสแตนติโนเปิล" มากกว่า ในภายหลังจักรวรรดิโรมันตะวันออกที่มีเมืองหลวงคือคอนสแตนติโนเปิล มักถูกเรียกว่า "จักรวรรดิไบแซนไทน์" คอนสแตนติโนเปิลเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปยุคนั้น หลังสงครามครูเสดครั้งที่ 4 คอนสแตนติโนเปิลถูกยึดและเผาทำลาย ก่อนจะถูกยึดกลับคืนได้ในภายหลัง

หลังจากล่มสลายของกรุงโรมและจักรวรรดิโรมันตะวันตก คอนสแตนติโนเปิลกลายเป็นเมืองหลวงเพียงแห่งเดียวของจักรวรรดิไบแซนไทน์ และเป็นศูนย์กลางของศาสนาคริสต์นิกาย กรีกออเธอร์ด็อกซ์ โดยมีสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่อย่างเช่น โบสถ์ฮาเจีย โซเฟีย เป็นต้น

กระทั่งถึงจักรวรรดิออตโตมัน ในปีพ.ศ. 1996 (ค.ศ. 1453) สุลต่านเมห์เม็ดที่ 2 ได้บุกยึดกรุงคอนสแตนติโนเปิล ตัวเมืองได้รับการฟื้นฟูขึ้นมาใหม่อีกครั้งใต้อิทธิพลของวัฒนธรรมแบบมุสลิม ชื่อของเมืองเปลี่ยนเป็นอิสตันบูล ในสมัยของจักรวรรดิออตโตมัน เมืองอิสตันบูลได้เจริญรุ่งเรืองขึ้นเป็นอย่างมาก

ในห้วงก้าวสู่สาธารณรัฐตุรกี เมื่อสาธารณรัฐตุรกีถูกก่อตั้งขึ้นใน พ.ศ. 2466 (ค.ศ. 1923) เมืองหลวงของประเทศย้ายจากอิสตันบูลไปที่เมืองอังการา นับระยะเวลาที่อิสตันบูลเป็นเมืองหลวงทั้งสิ้น 1,610 ปี