วันศุกร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2553

วัยรุ่นกับเสพย์ติด




การที่เด็กติดยานั้น ก็เหมือนกับปัญหาความประพฤติอื่นๆ ซึ่งมีหลายสาเหตุด้วยกัน ทั้งจากตัวเด็กเอง จากปัญหาในครอบครัวและชุมชน ปัญหาจากตัวเด็กบางครั้งอาจเกิดจากการแนะนำอย่างผิด ๆ ของเพื่อนเพื่อทดลองหรือเป็นทางออกของอารมณ์ หงอยเหงาตามธรรมชาติของวัยหรือความคับข้องใจจากปัญหาในบ้าน พ่อแม่ไม่รัก ไม่เข้าใจ ขาดแคลนบางสิ่งบางอย่าง ทำให้ไม่มีความสุขกับเพื่อน ครู เลยหาทางระงับด้วยยา อาการทั่วไปของการติดยา


1. การเอาใจใส่รับผิดชอบการเรียนและระเบียบวินัยหย่อนยานลงไป


2. อารมณ์ฉุนเฉียวผิดปกติ


3. สุขภาพร่างกายทรุดโทรม


4. มีท่าทีลับลมคมนัย เกี่ยวกับการซ่อนยาและติดต่อกับกลุ่มติดยา


5. สวมแว่นกันแดดเพื่อซ่อนแววตาที่วาว


6. ใช้เสื้อแขนยาวตลอดเพื่อปกปิดรอยเข็มฉีดยา


7. มีความยุ่งยากทางการเงิน ใช้จ่ายเปลือง


8. มักชอบอยู่ในที่ลับตาคน การแก้ปัญหาเด็กก่อนติดยามักมีพฤติกรรมที่มีปัญหาก่อน ทั้งครูและผู้ปกครองไม่ควรด่วนสรุปว่าใจแตก เสียคน หรือเกียจคร้าน ควรทำให้เด็กรู้สึกเป็นกันเองที่จะพูดคุยถึงปัญหาของตนโดยไม่มีการซ่อนเร้น แม้จะเป็นการเพิ่มภาระก็ตาม ทำให้เด็กแน่ใจว่าผู้ใหญ่พยายามที่จะเข้าใจพร้อมที่จะช่วยเหลือให้เด็กเติบโตขึ้นไปในทิศทางที่เขาต้องการ ไม่ควรอย่างยิ่งที่จะห้ามไม่ให้ใช้ยาด้วยวิธีขู่ ควรรับฟังการพูดถึงข้อเท็จจริงต่าง ๆ มากกว่า เพราะวัยรุ่นเป็นวัยที่ต้องการเรียกร้องสิทธิปละความเป็นตัวของตัวเองสูงที่สุด ควรให้เด็กรู้โทษตามกฎหมายที่จะได้รับจากการใช้ยาเสพย์ติดและจัดกิจกรรมที่เสริมสร้างพลังใจ อารมณ์ ความนึกคิดไปในทางที่มีความหมาย

เทคนิคป้องกันภัยจากไวรัส






ผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์ต้องให้ความเอาใจใส่คอมพิวเตอร์เป็นพิเศษเมื่อต้องอยู่ห่างเป็นเวลาหลายวันหรือหลายสัปดาห์ เพราะมีความเป็นไปได้ที่คอมพิวเตอร์จะถูกโจมตีเมื่อพวกเขากลับมาพักผ่อนในวันหยุด

โดยเฉพาะผู้ดูแลระบบเน็ตเวิร์ดสำคัญขององค์กรจำเป็นต้องเซตระบบความปลอดภัยให้เรียบร้อยดีเสียก่อน…

เทศกาลวันหยุดคือช่วงเวลาของไวรัส ล่าสุดที่เพิ่งมีข่าวออกมาก็คือ “เวิร์มซานตาคลอส” ที่แพร่พันธุ์รับช่วงเทศกาลคริสต์มาสพอดิบพอดี โดยมันเลือกโจมตีโปรแกรมแชตสายพันธุ์ AOL, MSN และ Yahoo เป็นหลัก เจ้าเวิร์มซานตาฯ จะส่งไฟล์ไปยังคอมพิวเตอร์ของเหยื่อหรือเครื่องเป้าหมาย หากมีการเปิดไฟล์หรือเพียงแค่กดรับไฟล์ที่ส่งมา คอมพิวเตอร์เครื่องนั้นก็จะติดไวรัสนี้ทันที เห็นได้ชัดว่าแฮกเกอร์เข้าใจเอาข้อมูลเกี่ยวกับซานตาคลอสมาใช้ล่อใจ เพื่อให้ผู้ใช้โปรแกรมแชตที่ตกเป็นเป้าหมายดังกล่าวเปิดไฟล์ขึ้นมา ดังนั้น ผู้ใช้งานควรระมัดระวังตัว และหมั่นสังเกตความเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นได้กับคอมพิวเตอร์ของคุณ สถิติที่เกิดขึ้นทุกปีก็คือมีไวรัสสายพันธุ์ใหม่เกิดขึ้นในช่วงเทศกาลคริสต์มาส ปีใหม่ และมีการระบาดอย่างรวดเร็ว เพราะผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์มักจะไม่เอาใจใส่ต่อระบบความปลอดภัยในช่วงแห่งการพักผ่อนนี้ ทำให้มีการติดไวรัสคอมพิวเตอร์เพิ่มมากขึ้น ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ “โซท๊อป” ไวรัสเครือข่ายที่ใช้ช่องโหว่ของระบบปฏิบัติการของไมโครซอฟท์โจมตีเครื่องคอมพิวเตอร์ทั่วโลกที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต จนเป็นข่าวดังไปทั่วโลกเมื่อกลางเดือนสิงหาคมปีที่ผ่านมา ไวรัสโซท็อป ทำให้เครือข่ายคอมพิวเตอร์ของสำนักข่าวซีเอ็นเอ็น, เอบีซี และนิวยอร์ก ไทม์ส และอื่น ๆ ใช้การไม่ได้เป็นเวลาหลายชั่วโมง เนื่องจากคอมพิวเตอร์เหล่านั้นไม่ได้ติดตั้งโปรแกรมซ่อมแซมช่องโหว่ดังกล่าวเอาไว้



นอกจากไวรัสที่จะสร้างภัยคุกคามในช่วงเทศกาลวันหยุดแล้ว “ฟิชชิ่ง” และ “สปายแวร์” ก็มีแนวโน้มจะออกทำงานมากขึ้นในช่วงเวลานี้ด้วย เพราะมีคนจับจ่ายซื้อของผ่านทางอินเทอร์เน็ตมากเป็นหลายเท่าตัว เป็นเวลาที่ของการต้มตุ๋นผ่านระบบออนไลน์อินเทอร์เน็ต ดังนั้น ถ้าคุณคิดจะชอปปิงสินค้าผ่านอินเทอร์เน็ตในช่วงนั้นละก็แนะนำให้ระมัดระวังการใช้บัตรเครดิตของคุณบนเว็บไซต์ต่าง ๆ ให้มากที่สุด เลือกเว็บสำหรับชอปปิงที่น่าเชื่อถือมากที่สุด ส่วนภัยคุกคามอีกอย่างหนึ่งที่กำลังเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ นั้น ได้แก่ ไวรัสมือถือ ซึ่งโจมตีผู้ใช้สมาร์ตโฟน และพีดีเอโฟน โดยในปีนี้มีไวรัสมือถือเกดขึ้นใหม่ถึง 14 ตัว เมื่อเทียบกับ 6 ปีที่ผ่านมา ดังนั้น ช่วงเทศกาลนี้เราจึงมีข้อแนะนำดี ๆ มาฝาก เพื่อช่วยให้ผู้ใช้คอมพิวเตอร์ทุกคนปลอดภัยจากไวรัสต่าง ๆ และภัยคุกคามช่วงวันหยุดพักผ่อน



เทคนิคป้องกันภัยคุกคามช่วงวันหยุด ไมโครซอฟท์ได้ปรับปรุงระบบรักษาความปลอดภัยของตนอยู่ตลอดเวลา แต่ทว่ายิ่งปรับปรุงเท่าใด ดูเหมือนว่าจะเป็นสิ่งล่อใจให้บรรดาแฮกเกอร์เข้ามาเจาะระบบมากขึ้นด้วย ทำให้พวกเขาต้องออกชุดอัพเดตเป็นรายเดือนเลยทีเดียว จึงสามารถพอจะรับมือกับภัยคุกคามเหล่านี้ได้ สำหรับผู้ใช้ตามบ้านอย่างเรา ๆ นั้น สิ่งที่ต้องทำคือ เข้าไปตรวจสอบและอัพเดตไฟล์แพตช์จากไมโครซอฟท์บ่อย ๆ เพื่อให้คอมพิวเตอร์มีภูมิคุ้มกันมากขึ้น เข้าไปที่เมนู Tools เลือก Windows Update เพื่อลิงก์เข้าไปยังเว็บไซต์ วินโดวส์ อัพเดต ของไมโครซอฟท์ สำหรับการป้องกันภัยคุกคามจากไวรัสนั้นรามีเทคนิคเด็ด ๆ และคำแนะนำดี ๆ จากผู้ผลิตซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสจากเทรนด์ ไมโคร นำมาฝากกัน ซึ่งได้อธิบายไว้อย่างละเอียดทีเดียว ดังนี้


ลำดับที่ 1 สำหรับผู้ใช้สมาร์ตโฟนที่ไม่ต้องการพลาดการติดต่อระหว่างดินทางในช่วงวันหยุด ต้องป้องกันตัวเองจากไวรัสมือถือ ที่รู้กันดีว่าเป็นต้นเหตุให้โทรศัพท์แฮงก์ ต้องปิดและเปิดเครื่องใหม่ ส่งเอสเอ็มเอส/เอ็มเอ็มเอส โดยที่เจ้าของไม่รู้ หรือทำให้โปรแกรมอื่น ๆ ในเครื่องทำงานรวน แถมยังแอบลบไฟล์ในเครื่อง และอื่น ๆ อีกมากมาย ลองเข้าไปดาวน์โหลดโปรแกรมชื่อ Trend Micro Mobile Security จากเว็บไซต์ www.trendmicro.com/mobilesecurityซึ่งให้คุณได้ใช้งานกันฟรี ๆ โปรแกรมดังกล่าวสามารถป้องกันกองทัพเอสเอ็มเอส/เอ็มเอ็มเอส ที่ส่งผ่านจากมือถือเครื่องอื่น ๆ ซึ่งเชื่อมต่อกับเครือข่ายมือถือทั่วโลก แน่นอนว่าระบบควบคุมสแปมอาจมีความหละหลวมอยู่ สำหรับผู้ใช้คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล ต้องมั่นใจว่าคอมพิวเตอร์ของตัวเองติดตั้งซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัยล่าสุด เพราะผู้ใช้หลายคนไม่รู้ว่า ซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสของตัวเองเก่าเก็บแล้ว และอาจไม่สามารถป้องกัน สปายแวร์/แอดแวร์ฟิชชิ่ง และตรวจจับการบุกรุกไร้สายได้ สิ่งนี้เป็นเรื่องสำคัญที่จะช่วยป้องกันพีซีจากภัยคุกคามทุกชนิด


ลำดับที่ 2 ควรทำการดาวน์โหลดโปรแกรมซ่อมแซมช่องโหว่ล่าสุดมาติดตั้งลงในระบบปฏิบัติการบนคอมพิวเตอร์ของคุณ เพื่อไม่ให้ภัยคุกคามจากไวรัสเครือข่ายทั้งหลายใช้ประโยชน์จากช่องโหว่นั้น เพราะนี่จะเป็นอันตรายอย่างที่สุด หากคอมพิวเตอร์ถูกเปิดทิ้งไว้ ขณะที่เจ้าของไม่อยู่ในช่วงวันหยุดยาว

ลำดับที่ 3 เนื่องจากไวรัสถูกสร้างขึ้นมาด้วยเวลาอันสั้น โดยเฉพาะไวรัสเครือข่าย คุณไม่ควรทิ้งให้คอมพิวเตอร์ และ/หรือจุดเชื่อมต่อไร้สาย (แอ็กเซสพอยท์) เปิดให้สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ ไม่เพียงแต่เปลืองไฟเท่านั้น แต่ยังเปิดช่อโหว่ให้วายร้ายในโลกมืดที่กำลังมองหาช่องทางเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตไร้สายที่มีระบบป้องกันที่หละหลวม หรือไม่ได้ป้องกันเลย โดยแฮกเกอร์จะใช้การเชื่อมต่อฟรีเหล่านี้ไปกระทำการในทางไม่ดีต่าง ๆ ยิ่งกว่านั้น นอกจากไวรัสจะสามารถอัพเดตตัวเองโดยอัตโนมัติขณะที่เครื่องเปิดอยู่ได้ เวิร์มเครือข่ายตัวใหม่ ๆ อย่างเช่น แซสเซอร์ และโซท๊อป ก็ยังสามารถแพร่ติดคอมพิวเตอร์ที่ไม่ได้ติดตั้งโปรแกรมซ่อมแซมช่องโหว่ล่วงหน้า ถึงแม้ว่าในขณะนั้นเจ้าของคอมพิวเตอร์จะไม่ได้กำลังใช้งานอยู่ก็ตาม


ลำดับที่ 4 ข้อมูลในคอมพิวเตอร์ เป็นสิ่งสำคัญยิ่งที่ไม่สามารถหาสิ่งไหนมาทดแทนได้ การเดินทางไปพักผ่อนเป็นเวลานาน คุณควรดาวน์โหลดไฟล์รักษาความปลอดภัยเวอร์ชันล่าสุดมาติดตั้งในเครื่อง และตรวจสอบระบบทั้งหมดก่อนจะสำรองข้อมูลสำคัญ ๆ ไว้ในแผ่นซีดี


ลำดับที่ 5 ผู้ที่ใช้งานอุปกรณ์บลูทูธ ให้ตั้งค่า “auto-discover” เป็น OFF เพื่อป้องกันแฮกเกอร์ และอุปกรณ์มือถือของคุณ รับไวรัสผ่านทางบลูทูธ โดยเฉพาะสมาร์ตโฟน แม้ยังไม่รู้แน่ว่า สามารถติดเชื้อจากโทรศัพท์ที่ไม่ใช่สมาร์ตโฟนได้หรือไม่ ? แต่การเปิด “auto-discover” ในสถานะ ON มีสิทธิ์โดนรบกวนจากข้อความจำนวนมากที่หลั่งไหลมาจากอุปกรณ์บลูทูธที่ติดไวรัส ซึ่งอยู่ใกล้ ๆ ได้ สำหรับผู้ใช้สมาร์ตโฟน ควรตรวจสอบไฟล์ป้องกันล่าสุด ซึ่งสามารถอัพเดตได้ผ่านทางเครือข่ายโทรศัพท์มือถือผ่านทางบริการจีพีอาร์เอส



ลำดับที่ 6 คอยรับฟังข่าวสารที่แพร่ภาพผ่านทางโทรทัศน์ทั่วโลก ว่ามีการเตือนภัยการแพร่ระบาดของไวรัสตัวสำคัญ ๆ หรือไม่รวมทั้งแจ้งเพื่อนฝูง และเครือญาติที่กลับไปถึงบ้านแล้ว ให้ช่วยโทรศัพท์หรือส่งเอสเอ็มเอสมาเตือนภัยเกี่ยวกับข่าวดังกล่าว เพราะจะเป็นประโยชน์กับคุณอย่างมาก เมื่อถึงเวลากลับจากท่องเที่ยวในวันหยุดแล้ว



ลำดับที่ 7 สำหรับผู้ที่ชอบท่องอินเทอร์เน็ตตามร้านให้บริการอินเทอร์เน็ตในช่วงวันหยุด ต้องมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมแล้วว่า ร้านอินเทอร์เน็ตเหล่านั้น มีระบบป้องกันความปลอดภัยเข้มแข็งเพียงพอ



ลำดับที่ 8 หลังจากกลับมาถึงบ้านแล้ว ผู้ใช้ไม่ควรทำกิจกรรมอินเทอร์เน็ตใด ๆ หรือเริ่มใช้งานอีเมล์จนกว่าจะดาวน์โหลดและอัพเดตไฟล์ป้องกันไวรัสเวอร์ชันล่าสุดมาติดตั้งในเครื่องคอมพิวเตอร์ก่อน



ลำดับที่ 9 ขอให้ปฏิบัติตามคำแนะนำด้านความปลอดภัยพื้นฐาน เช่น- ระวังอีเมล์ที่มาในรูปของบัตรอวยพร อีเมล์แจ้งข่าวซุบซิบ หรือมีภาพของดาราสุดเซ็กซี่ อีเมล์แจ้งดาวน์โหลดซอฟต์แวร์ฟรี หรือข้อเสนอที่ดูดีและสมจริงเพราะส่วนใหญ่แล้วจะเป็นอีเมล์สแปม ซึ่งสามารถใช้ชื่ออีเมล์ปลอม หรือชื่อคุ้นเคยที่หาได้จากสมุดที่อยู่ของคุณหรือของเพื่อนด้วยเทคนิคหรือเครื่องมืออื่น ๆ- แม้ว่าอีเมล์ที่ได้รับจะเป็นของจริง และซอฟต์แวร์แนบท้ายมาด้วยนั้นจะถูกตรวจสอบแล้วว่าไม่มีไวรัสเจือปนก็ตาม แต่ควรอ่านข้อตกลงการใช้งาน (end-user licence agreement : EULA) อย่างละเอียด เพื่อให้มั่นใจว่าซอฟต์แวร์ดังกล่าวจะไม่ทำให้คอมพิวเตอร์ของคุณได้รับสปายแวร์ หรือแอดแวร์- โปรดจำให้ขึ้นใจว่า ไม่มีธนาคารแห่งไหนจะขอให้ใครกรอกข้อมูลสำคัญ เช่น รายละเอียดบัตรเครดิต รหัสเอทีเอ็ม รหัสผ่าน และอื่น ๆ ผ่านทางอีเมล์ ดังนั้นหากคุณได้รับอีเมล์ในลักษณะดังกล่าว ควรติดต่อกับทางธนาคารเพื่อแจ้งข้อมูลดังกล่าวให้รับทราบ หากไม่แน่ใจ เพื่อความปลอดภัยให้ลบอีเมล์ฉลับนั้นทิ้ง เพราะหากเป็นเรื่องสำคัญจริง ธนาคารจะโทรหาคุณเองในภายหลัง


วันอาทิตย์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2553

โทษของโทรศัพท์มือถือ








นอกเหนือไปจากอวัยวะครบ 32 ประการในร่างกายคนเราแล้ว ปัจจุบันดูเหมือนว่า “โทรศัพท์มือถือ" กำลังจะกลายเป็นส่วนหนึ่ง ของคนยุคโลกาภิวัตน์ ที่จะขาดเสียมิได้ เพียงแต่ว่าอวัยวะส่วนนี้ โดยมากจะเริ่มงอกเงยขึ้นมาในช่วงที่เป็น “วัยรุ่น” แต่ก็มีบ้างบางคนที่มี “มือถือ” ตั้งแต่ยังเป็นเด็กเล็ก เพราะพ่อแม่มีวิตามินเอ็ม (Money) ที่จะเสริมให้แต่เยาววัย




ข้อดีของโทรศัพท์มือถือ มีอยู่ไม่น้อย อาทิ ทำให้เราสามารถสื่อสารถึงกัน และกันได้ตลอดเวลา และแทบทุกสถานที่ (ที่สัญญาณไปถึง) ทำให้เราตามหาเพื่อนเจอในศูนย์การค้า หรือโทรเรียกช่าง /บริษัทประกันมาได้ทันท่วงที เมื่อรถเสีย รถชนบนทางด่วน หรือในบางสถานที่ที่ไม่มีโทรศัพท์สาธารณะ ฯลฯ อย่างไรก็ดี สิ่งใดมีคุณอนันต์ สิ่งนั้นก็มักมีโทษมหันต์ด้วย หากผู้ใช้ นำไปใช้ในทางที่ผิด หรือใช้ไม่เป็น โทรศัพท์มือถือก็เช่นเดียวกัน




โทษของโทรศัพท์มือถือ ได้ก่อให้เกิดโรคใหม่ๆ หลายประการ ดังที่กลุ่มประชาสัมพันธ์ สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม จะได้ลองนำเสนอมาให้ท่านผู้อ่านได้อ่านเล่นๆ ดู ดังนี้




- โรคเห่อตามแฟชั่น ในสมัยก่อน การจะมีโทรศัพท์สักเครื่องเป็นเรื่องที่ขอยากขอเย็น กว่าจะขอคู่สายมาติดตั้งที่บ้านได้บางทีต้องรอเป็นปีๆ ดังนั้น ผู้มีโทรศัพท์ใช้แรกๆ จึงมักเป็นพวกที่ทำธุรกิจ หรือพวกมีเงิน มีเส้นสาย ส่วนคนทั่วไปจะใช้หรือจะขอมีโทรศัพท์มักจะต้องมีงาน มีเรื่องจำเป็นหรือเร่งด่วนจริงๆ จนเมื่อมือถือได้กำเนิดขึ้นมาในระยะแรกๆ ผู้ใช้ก็ยังเป็นกลุ่มเดิมๆ อยู่ โดยเฉพาะนักธุรกิจที่จำเป็นต้องติดต่องาน ต่อมาเมื่อธุรกิจมือถือ ได้กลายเป็นแหล่งทำเงิน ให้แก่ผู้ประกอบการอย่างมหาศาล การแข่งขันจึงมีมากขึ้น ก่อให้เกิดการขยายตัว จากผู้ซื้อกลุ่มนักธุรกิจ และผู้มีอันจะกินทั้งหลาย ไปสู่ตลาดคนชั้นกลาง คนวัยทำงาน แม่ค้า ประชาชน และกลุ่มวัยรุ่นเพิ่มขึ้น




และนี่เองจึงเป็นเหตุให้มีการพัฒนาเทคนิค และออกแบบมือถือเป็นแฟชั่นรุ่นใหม่ๆ มาดึงดูดใจลูกค้าตลอดเวลา และทำให้หลายๆ คนโดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่น ผู้ทำงานด้านเทคโนโลยี เศรษฐี ตลอดจนนักธุรกิจระดับต่างๆ นิยมเปลี่ยนมือถือไปตามแฟชั่นเพื่อให้อินเทรนด์ ดูทันสมัย ไม่ตกรุ่น เทียมหน้าเทียมตาเพื่อนฝูง และบ้างก็เปลี่ยนเพื่อให้ดูเป็นคนมีระดับ มีฐานะ ทั้งที่ฟั่งชั่นหรือประโยชน์ที่เสริมขึ้นมาของแต่ละแบบ บางคนแทบจะไม่ได้ใช้เพิ่มเติม จากเดิมเลยก็ตาม ดังนั้น มือถือจึงได้กลายเป็นเครื่องประดับ ที่บ่งบอกสถานภาพอีกทางหนึ่ง




- โรคทรัพย์จาง จากการเห่อตามแฟชั่น อย่างที่กล่าวข้างต้น ทำให้หลายคนต้องหาเงินเพิ่ม เพื่อหาซื้อมือถือรุ่นใหม่อยู่ตลอดเวลา ซึ่งหากมีเงิน หรือหาเงินได้คล่อง ก็ยังไม่เดือดร้อนเท่าไร แต่ก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่เงินไม่ดี แต่มีรสนิยมดีเกินฐานะ จึงเกิดสภาวะทรัพย์จาง ต้องหาดิ้นรนหาเงินเพิ่ม หรือไปกู้หนี้ยืมสินมาซื้อมือถือ ที่ตัวอยากได้ ซึ่งโรคเห่อตามแฟชั่นส่วนใหญ่มั กจะเกิดกับเด็กวัยรุ่น วัยเรียน




แล้วมีผลข้างเคียง ทำให้พ่อแม่ผู้ปกครองเกิดโรคทรัพย์จางตามมา เพราะต้องหาเงินไปซื้อหาให้ลูก กลัวลูกน้อยหน้าเพื่อน หรือสงสารลูก หรือทนลูกออดอ้อนวอนขอไม่ได้ นอกจากแฟชั่นรุ่นใหม่ๆ จะทำให้เกิดโรคทรัพย์จางแล้ว ความถี่ของการใช้มือถือ ที่แสนจะสะดวกสบาย ที่ไหนก็ได้ เมื่อไรก็ได้ ยังทำให้หลายๆ คน โดยเฉพาะคนเป็นพ่อแม่ มีบัญชีรายจ่ายในเรื่องนี้เดือนๆ หนึ่งจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว ยิ่งคนไหนที่กำลังมี หรือกำลังติด “กิ๊ก” จำนวนการใช้ก็ยิ่งมีมากขึ้น แม้จะมีโปรโมชั่นลดแลก แจกแถมต่างๆ มากมายก็ตาม หากไม่รู้จักควบคุมการใช้ให้ดี แนวโน้มที่จะเกิดโรคนี้ก็มีสูงขึ้น




- โรคขาดความอดทน และใจร้อน แม้ว่าข้อดีของโทรศัพท์มือถือ จะทำให้เราสื่อสารได้รวดเร็วทันใจ แต่ข้อนี้ก็เป็นข้อเสียที่ทำให้คนเราขาดความอดทน และใจร้อนขึ้นเช่นกัน เพราะความสะดวกสบาย ในการใช้โทรศัพท์มือถือ ที่ว่าตรงไหนก็ได้ เวลาใดก็ได้ กดปุ๊บ ติดปั๊บนี่เอง ทำให้หลายๆ คนกลายเป็นคนที่ทนรอใครนานไม่ได้ หรือไม่ยอมทนแม้แต่เรื่องเล็กๆน้อยๆ อีกต่อไป




เช่น นัดเพื่อนไว้ และเพื่อนมาช้าแค่ 5 นาที ก็ต้องโทรตามจิกตามล่าแล้ว คิดอะไรไม่ออก แทนที่จะค่อยๆ ใช้สมองครุ่นคิดทบทวนเอง ก็จะรีบโทรเพื่อน หาคนถามทันที หากไม่ติด ไม่เจอ ก็จะกดโทรอยู่นั่น เพราะต้องการติดต่อให้ได้เดี๋ยวนี้ เดี๋ยวนั้น ทำให้กลายเป็นคนเร่งรีบ ร้อนรน และไม่รอบคอบ เพราะไม่ทันได้ใช้ความคิด หรือขี้เกียจใช้ความคิดอีกต่อไป




- โรคขาดกาลเทศะ และมารยาท จากการที่เราไม่ค่อยอดทนรอ และใจร้อนที่ว่านี่เอง ทำให้หลายๆ ครั้ง เมื่อนึกอะไรขึ้นมาได้ ก็จะกดโทรศัพท์ไปหาบุคคลที่เราอยากจะพูด อยากถามในทันที ซึ่งบางครั้ง อาจจะเป็นเวลาประชุม เวลานอน เวลารับประทานอาหาร เวลาพักผ่อน หรือเป็นวันหยุด วันที่เขากำลังใช้เวลาอยู่กับครอบครัว การโทรไปเช่นนั้น โดยไม่ดูเวลาหรือกาลเทศะที่ควรโทร แม้เขาจะบอกว่าไปเป็นไร แต่จริงๆ แล้วเขาก็อาจจะไม่พอใจ หรือโกรธที่เราไปขัดจังหวะการกิน การนอน การพักผ่อน ฯลฯ ของเขาอยู่ก็ได้




หรือบางคนไม่รู้จักมักจี่กับเจ้าของเบอร์ แต่ได้เบอร์โทรมาจากคนอื่น แล้วโทรเข้ามือถือ หรือนำเบอร์มือถือของคนหนึ่ง ไปบอกคนอื่นโดยเจ้าตัวไม่ทราบ หรือไม่อนุญาต ก็เป็นเรื่องไม่ควร ขาดมารยาทที่ดี เพราะบางคนได้เบอร์แล้วโทรไปขายประกัน ขายเครื่องกรองน้ำ เชิญชวนสมัครสมาชิกบัตรเครดิตฯลฯ ทั้งๆ ที่ไม่รู้จักกันมาก่อน ทำให้ผู้รับสายเกิดความเดือดร้อน รำคาญใจ และที่เป็นสภาวการณ์ในปัจจุบันคือ การใช้มือถือโดยไม่เลือกเวลา และสถานที่ เช่น ในห้องประชุม โรงหนัง โรงมหรสพ บนรถ/เรือโดยสาร หรือในระหว่างพิธีการต่างๆ เป็นต้น เสียงโทรศัพท์มือถือมักจะดังขึ้น ทำให้รบกวนสมาธิของผู้อื่น แถมบางคนก็คุยเสียงดัง แบบไม่เกรงใจใคร จนคนร่วมทางต้องรับรู้ประวัติ การนัดหมาย หรือความคับข้องใจของผู้พูดขณะระบายความในใจไปด้วย




บางคนพูดๆ แล้ว ลืมตัวว่าอยู่ในที่สาธารณะ ก็มักใช้ภาษาไม่สุภาพ หรือพูดๆ แล้วเกิดอารมณ์โกรธ ก็ด่าว่าอีกฝ่ายทางโทรศัพท์ ซึ่งโดยมารยาททางสังคมนั้น ไม่ควรทำอย่างยิ่ง ควรจะปิดมือถือ หรือเปลี่ยนระบบเป็นแบบสั่น เมื่ออยู่ในสถานที่ประชุม โรงหนัง ฯลฯ และไม่ควรพูดคุยด้วยเสียงอันดัง และไม่สุภาพเมื่อมีผู้อื่นอยู่ด้วย




- โรคไม่จริงใจ เนื่องจากการพูดคุยทางโทรศัพท์ ไม่ต้องเห็นหน้าตา ท่าทาง สายตาและปฏิสัมพันธ์ที่มีต่อกัน ทำให้หลายคน สามารถใช้คำหวานหลอกลวง หรือพูดโกหกผู้อื่น หรือนิยมส่ง sms ไปยังอีกฝ่าย ทำเสมือนรักใคร่ ผูกพันหรือห่วงใย แต่ใจจริงมิได้คิดเช่นนั้น โดยอาจจะโทรไปหาคนหนึ่ง แต่ตัวไปกับอีกคน บางคนอาจจะคิดว่าโทรมา หรือ sms มาดีกว่าไม่มีอะไรเสียเลย แต่แท้จริงแล้ว การไม่จริงใจ และไม่ซื่อสัตย์ต่อกัน อาจกลายเป็นสาเหตุให้เกิดเรื่องอื่นๆ ตามมาได้ เช่น เราอาจคิดว่าเขาดีกับเรา พอเขายืมเงิน ก็ให้ไป แล้วเขาก็ไม่คืน เราก็เกิดความเดือดร้อน เป็นต้น




นอกจากโรคดังกล่าวข้างต้นแล้ว โทรศัพท์มือถือ ยังมีผลข้างเคียงทำให้เสียสุขภาพในด้านอื่นๆ อีก เช่น ทำให้เกิดอาการอ่อนเพลีย ไม่สดชื่น เพราะมัวแต่คุยทั้งวันทั้งคืน เลยนอนดึก นอนไม่พอ ทำให้หูตึง หรือมีโรคเกี่ยวกับหู เกิดอาการปวดหัว ไมเกรนหรือมีปัญหาทางเส้นประสาท เพราะคลื่นจากมือถือที่มีกำลังส่งแรงสูง ทำให้เกิดพวกโรคจิตเพิ่มขึ้น คือพวกที่ชอบแอบถ่าย หรือบางคนก็ถ่ายภาพหวิว ของตัวเองไปลงตามอินเตอร์เน็ต เพราะทำได้ง่าย และสะดวกสบายขึ้น




หลายๆ ครั้งมือถือทำให้ขาดความระมัดระวัง ขับไปพูดไป จนทำให้เกิดอุบัติเหตุรถชนกัน หรือชนคนอื่น นอกจากนี้ มือถือยังก่อให้เกิดอาชญากรรม ถูกคนร้ายติดตามมาทำร้ายร่างกาย หรือแย่งชิงทรัพย์ได้ง่ายอีกด้วย สิ่งเหล่านี้ คือโรคร่วมสมัยที่มาพร้อมกับโทรศัพท์มือถือ ที่เราควรตระหนักและรู้จักฉลาดใช้ “โทรศัพท์มือถือ” ให้เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ต่อตัวเราทั้งด้านส่วนตัว การเรียน และหน้าที่การงาน ให้สมกับที่เป็นคนยุคใหม่

ประโยชน์ของผักบุ้ง



ผักบุ้งที่ทานกันอยู่มี 2 ประเภท

คือ ผักบุ้งไทยและผักบุ้งจีน ผักบุ้งไทยจะมีสรรพคุณทางยามากกว่าผักบุ้งอื่น แต่สำหรับผักบุ้งจีนจะมีแคลเซี่ยม และเบต้า-แคโรทีน มากกว่าผักบุ้งอื่น

ผักบุ้งไทยจะมีสรรพคุณทางยามากกว่าผักบุ้งอื่น แต่สำหรับผักบุ้งจีนจะมีแคลเซี่ยม และเบต้า-แคโรทีน มากกว่าผักบุ้งอื่น คนที่เป็นโรคความดันโลหิตต่ำนั้นไม่ควรรับประทานผักบุ้งเลย เพราะว่าผักบุ้งนั้นมีคุณสมบัติลดความดันโลหิต และถ้าคนที่มีความดันโลหิตต่ำยังรับประทานผักบุ้งเข้าไปอีกก็จะยิ่งต่ำลงไปอีก ก่อให้เกิดอาการเป็นตะคริว ร่างกายอ่อนแอลงได้ ฉะนั้นผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตต่ำไม่ควรรับประทานผักบุ้งเลยจะดีที่สุด
ผักบุ้งไทยโดยเฉพาะชนิดต้นขาวจะมีวิตามินซีสูงกว่าชนิดอื่น ๆ ช่วยบำรุงรักษาเหงือก ฟัน ให้แข็งแรง ช่วยทำให้ผิวสวย เลือดดี และเพิ่มความต้านทานโรค ไม่เกิดอาการ แพ้ ต่าง ๆ ง่าย เคล็ดลับอยู่ที่ต้องกินสด ๆ คุณค่าทางวิตามินจะได้ไม่สูญเสียไป

ในผักบุ้งขาว 100 กรัม ให้พลังงานต่อร่างกาย 22 กิโลแคลอรี่ และยังประกอบด้วยเส้นใย 101 กรัม แคลเซียม 3 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 22 มิลลิกรัม เหล็ก 3 มิลลิกรัม วิตามินเอ 11,447 IU วิตามินบีหนึ่ง 0.06 มิลลิกรัม วิตามินบีสอง 0.17 มิลลิกรัม ไนอาซิน 1.3 มิลลิกรัม วิตามินซี 14 มิลลิกรัม ค่ะและมีสารต้านฮีสตามีน
นอกจากนี้ยังมีธาตุเหล็กช่วยบำรุงเลือด มีแคลเซียม และฟอสฟอรัส บำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง รวมทั้งมีเส้นใย อาหารที่ช่วยให้ระบบขับถ่ายคล่องขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นผักบุ้งยังมีสารชนิดหนึ่งที่มีโครงสร้างคล้ายอินซูลิน ที่ทำหน้าที่ช่วยลดน้ำตาลในเลือดสำหรับผู้ที่เป็นเบาหวาน

สรรพคุณของผักบุ้งไทยต้นขาว
สรรพคุณของผักบุ้งไทยต้นขาวและวิธีการใช้ ส่วนที่ใช้ประโยชน์ของผักบุ้งไทยต้นขาวคือ ดอก ใบ ทั้งต้น และราก ซึ่งแต่ละส่วนจะให้สรรพคุณแตกต่างกันดังต่อไปนี้ดอก ใช้เป็นยาแก้กลากเกลื้อน ต้นสดใช้ดับพิษ รักษาแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก ลดอาการแพ้ อักเสบ ปวด บวม บำรุงสายตา บำรุงเลือด บำรุงกระดูกและฟัน ช่วยรักษาโรคเบาหวาน เป็นยาดับร้อน แก้ปัสสาวะเหลืองทั้งต้น ใช้แก้โรคประสาท ปวดศรีษะ อ่อนเพลีย แก้กลาก เกลื้อน แก้เบาหวาน แก้ตาอักเสบ บำรุงสายตา แก้เหงือกบวม แก้ฟกช้ำ ถอนพิษใบ ใช้ถอนพิษแมลงสัตว์กัดต่อย นำใบสดมาตำ แล้วคั้นเอาน้ำมาดื่ม จะทำให้อาเจียน ถอนพิษยาเบื่อเมา แก้พิษของฝิ่นและสารหนู มีวิตามินเอสูง เป็นสารต้านอนุมูลอิสระราก ใช้แก้ไอเรื้อรังและแก้โรคหืด ถอนพิษผิดสำแดง ใช้แก้สตรีมีตกขาวมาก เบาขัด เหงื่อออกมาก ลดอาการบวม






วันเสาร์ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2553

Tomyamkrung


Ingredients:
3 cups of wateror light chicken stock
8 oz of shrimps/prawns, shelled
2 minced garlic cloves
5 kaffir lime leaves
3 thin slices fresh or dried galangal
1/4 cup of fish sauce
2 stalks of lemon glass cut into 1 inches lengths
2 sliced green onions
5 hot green Thai chili peppers (optional)
1/2 cup of sliced straw mushrooms
1/4 cup of lime juice1 teaspoon of roasted chili paste
1 tablespoon of chopped cilantro leaves

Instructions
Bring the stock to a boil over medium heat. Add the garlic, lime leaves, galangal, fish sauce, lemon grass, and shallots, then the mushrooms and chili peppers, if you are using them. Simmer for 2 minutes. Add the shrimp, and reheat to boiling. Cook until the shrimps are pink, opaque, and firm but no longer than 1 minute. When the shrimps are cooked, place the lime juice and chili paste in a serving bowl. Pour the soup into the bowl, stir, and garnish with cilantro leaves.

วันศุกร์ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2553

Leonard de vinci




Léonard de Vinci (Leonardo di ser Piero da Vinci écouter, dit Leonardo da Vinci]), né à Vinci le 15 avril 1452 et mort à Amboise le 2 mai 1519, est un peintre italien et un homme d'esprit universel, à la fois artiste, scientifique, ingénieur, inventeur, anatomiste, peintre, sculpteur, architecte, urbaniste, botaniste, musicien, poète, philosophe et écrivain.

Après son enfance à Vinci, Léonard est élève auprès du célèbre peintre et sculpteur florentin Andrea del Verrocchio. Ses premiers travaux importants sont réalisés au service du duc Ludovic Sforza à Milan. Il œuvre ensuite à Rome, Bologne et Venise et passe les dernières années de sa vie en France, à l'invitation du roi François Ier.

Léonard de Vinci est souvent décrit comme l'archétype et le symbole de l'homme de la Renaissance, un génie universel et un philosophe humaniste dont la curiosité infinie est seulement égalée par la force d'invention. Il est considéré comme un des plus grands peintres de tous les temps et peut-être la personne la plus talentueuse dans le plus grand nombre de domaines différents ayant jamais vécuC'est d'abord comme peintre que Léonard de Vinci est reconnu. Deux de ses œuvres, La Joconde et La Cène, sont des peintures très célèbres, souvent copiées et parodiées, et son dessin de l’Homme de Vitruve est également repris dans de nombreux travaux dérivés. Seules une quinzaine d'œuvres sont parvenues jusqu'à nous ; ce petit nombre est dû à ses expérimentations constantes et parfois désastreuses de nouvelles techniques et à sa procrastination chronique. Néanmoins, ces quelques œuvres, jointes à ses carnets, qui contiennent des dessins, des diagrammes scientifiques et des réflexions sur la nature de la peinture, sont un legs aux générations suivantes d'artistes seulement égalé par Michel-Ange.

Comme ingénieur et inventeur, Léonard développe des idées très en avance sur son temps, depuis l'hélicoptère, le char de combat, le sous-marin jusqu'à l'automobile. Très peu de ses projets sont construits, ou même seulement réalisables de son vivant, mais certaines de ses plus petites inventions comme une machine pour mesurer la limite élastique d'un câble entrent dans le monde de la manufacture. En tant que scientifique, Léonard de Vinci a beaucoup fait progresser la connaissance dans les domaines de l'anatomie, du génie civil, de l'optique et de l'hydrodynamique.